Pentagram หรือ ดาวห้าแฉก นี้มักจะโดนคนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คิดถึงเรื่อง ภูติ ผี ปิศาจ ซาตาน ไปเสียหมด
ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
อาจจะกล่าวได้ว่า ดาวห้าแฉกเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกลึกลับที่รู้จักกันแพร่หลายไปทั่วโลก ดำรงอยู่มาตั้งแต่อารยธรรมแรกของมนุษย์ (เท่าที่เรารู้จักกันในตอนนี้) และยังคงดำรงอยู่ในปัจจุบัน
เราพบดาวห้าแฉกในอารยธรรมสำคัญ ตั้งแต่ตราประทับของมหานครสุเมเรียนโบราณ อารยธรรมเมโสอเมริกาโบราณของมายา อารยธรรมเคลเดีย เช่น อัคคาเดีย จักรวรรดิบาบิโลน และ แคลเดียน เราพบมันในสุสาน อยู่ในอักขระตราสัญลักษณ์ของและราชวงศ์อาณาจักรอียิปต์โบราณ
Pentagram เป็นเครื่องหมายแสดงในหลายศาสนาหรือลัทธิความเชื่อ เช่น ศาสนายูดาย คริสต์ศาสนา ธงแห่งศรัทธาของชาวมุสลิม มีความเกี่ยวพันกับประเพณีลึกลับในยุคสำริด เช่น ลัทธิยูดีโอ-คริสเตียน ไปจนถึงสังคมลับ ฟรีเมสัน ใช้ในขบวนการอนาธิปไตยใต้ดิน มาลันดันติแห่งอิตาลีในยุคกลาง จนถึงรัฐบาลสมัยใหม่ซึ่งเป็นมหาอำนาจโลก เช่น สหรัฐอเมริกา
Pentagram กำเนิดมาจากไหน?
มีการค้นพบว่า สัญลักษณ์ ดาวห้าแฉก เก่าแก่ที่สุดในโลก อยู่ในอารยธรรมเมโสโปเตเมียอันเก่าแก่เมื่อประมาณ ๓,๕๐๐ ปีก่อนคริสตศักราช จากลวดลายเครื่องปั้นดินเผาที่พบจากชาวซูเมเรียน และ ดาวห้าแฉก นั้นเป็นสัญลักษณ์ของอิชตาร์หรือมาร์ดุกหลายครั้ง คาดว่า ในสมัยนั้นใช้แทนตัวตนของโลก
นอกจากนี้ยังพบในบาลิโลนและกรีกโบราณ โดยใช้แทนดวงดาวทั้งห้า แต่ต่อมาใช้แทนดาวศุกร์ (ที่ได้ชื่อว่า Morning Star แต่บางแห่งบนโลกที่เห็นดาวศุกร์ชัดในช่วงหัวค่ำ จะเรียกว่า Evening Star) ต่อมาใช้แทนความหมายของ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ และความคิด
ในสมัยอารยธรรมกรีก ดาวห้าแฉกจะมีชื่อเรียกว่า Pentalpha โดยใช้ตัวอักษรกรีกแทนตำแหน่งแต่ละแฉก เป็นตัวแทนของการคุ้มครองปกป้องรักษา ต่อมาทางเฮ็บรู ก็นำไปใช้โดยใช้เป็นสัญลักษณ์แทนคัมภีร์ ๕ เล่มแรกของพระคัมภีร์เก่า (Old Testament)
ยังมีการโยงไปว่าอาจจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ตราประทับแห่งโซโลมอน (Seal of Solomon) ซึ่งสลักไว้บนแหวนของกษัตริย์โซโลมอนในตำนานซึ่งทรงอานุภาพมาก ถ้านึกไม่ออกว่าแหวนของโซโลมอนนี้มีอานุภาพอย่างไร ลองนึกถึงแหวนใน Lord of the Ring ก็ได้) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเชื่อว่าสัญลักษณ์ที่แหวนแห่งโซโลมอนน่าจะเป็นเป็นดาวแห่งเดวิด ซึ่งเป็นหกแฉกมากกว่า
แล้วเกี่ยวกับซาตานได้อย่างไร?
อย่างที่บอกว่า มีการเรียก ดาวห้าแฉกว่า Morning Star ในสมัยกรีกโบราณ (ความจริง กรีกโบราณจะเรียกดาวศุกร์ว่า Hesperus หรือ Evening Star) แต่ตำนานทางคริสต์ศาสนา ลูซิเฟอร์ (Lucifer) คือบุตรแห่งแสงสว่าง ก่อนที่จะตกสวรรค์มาครองนรก มีการใช้คำว่า Morning Star แทนตัว ลูซิเฟอร์ ทำให้มีคนจับโยงว่าดาวห้าแฉกนี้ก็หมายรวมไปถึงตัวลูซิเฟอร์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในพระคัมภีร์เก่า (Old Testament) ไม่ได้มีการระบุไว้ว่า ลูซิเฟอร์ คือซาตาน ส่วนในพระคัมภีร์ใหม่ (New Testament) มีการระบุถึง Morning Star บ้าง แต่เพิ่งมีระบุถึงชื่อ ลูซิเฟอร์ ชัด ๆ ในไบเบิล ฉบับคิงเจมส์ (King James) และหลังจากที่มหากวี จอห์น มิลตัน (John Milton) ประพันธ์ Paradise Lost ก็ได้แสดงความเชื่อที่ว่าลูซิเฟอร์คือซาตาน และเป็นที่ยึดถือกันสืบต่อมา
ดาวห้าแฉกมีพัฒนาการและการออกแบบที่แตกต่างกันไป แต่ที่ถือว่าสำคัญและเป็นที่แพร่หลายเป็นดาวห้าแฉกจากการออกแบบของ อิลิแฟส เลวี (Eliphas Lévi) ผู้นำสูงสุด โบสถ์ซาตาน (Church of Satan) ในฝรั่งเศส ได้เขียนถึง pentagram ในบทที่ ๕ ของหนังสือ Dogme et Rituel de la haute magie (ออกมาในปีค.ศ. ๑๘๕๕ แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย A. E. Waite ใช้ชื่อว่า Transcendental Magic) ซึ่งใช้แทนความหมายของ “ชีวิต” คือธาตุทั้งสี่ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และ จิตวิญญาณ สังเกตได้ว่า ในการออกแบบนี้จะเป็นดาวห้าแฉกที่ตั้งขึ้น ไม่ใช่ดาวห้าแฉกกลับหัว และในตัวของดาวห้าแฉกนี้ก็ไม่ได้มีความหมายเกี่ยวกับซาตาน หากแต่เป็นความหมายของมนุษย์ อิลิแฟส เลวี ได้รับแนวคิดนี้มาจากปรัชญาเมธีกรีก เอ็มเพคโดคลิส (Empedocles) อีกที
ต่อมาทางคริสต์ศาสนา ใช้ดาวห้าแฉกเป็นตัวแทนของพระเยซู คือแต่ละแฉกแทนบาดแผลทั้งห้าแห่งบนร่างกายพระเยซูเมื่อโดนตรึงบนไม้กางเขน และเมื่อทางคริสต์ใช้เป็นตัวแทนของพระเยซู ฝ่ายมารนอกรีตเลยจัดการนำดาวห้าแฉกมากลับหัวทิ่มลง เหมือนกับที่จับไม้กางเขนกลับหัว และใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของพลังด้านมืด
นั่นก็คือที่มาของดาวห้าแฉกกลับหัว
ดังนั้น ถ้าหากกล่าวถึงดาวห้าแฉกที่ชี้ขึ้น โดยทั่วไปจะหมายถึงพลังความคุ้มครองในด้านดี แต่ถ้าหากเป็นดาวห้าแฉกกลับหัว มันจะหมายถึงลัทธิซาตานไปโดยปริยาย