This หน้าแรก » Enigmatic Tales » Jersey Devil

Jersey Devil

Jersey Devil หรือ ปิศาจแห่งเจอร์ซี เป็นตำนานสัตว์ลึกลับแห่งนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา โด่งดังเพราะในช่วงระหว่างวันที่ ๑๖ – ๒๓ มกราคม ค.ศ. ๑๙๐๙ มีคนจำนวนมากกว่า ๑๐๐ รายที่อ้างว่าตัวเองโดนปิศาจแห่งเจอร์ซีทำร้าย มีรายงานว่าพบเห็นรอยเท้าบนพื้นหิมะที่ระบุไม่ได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใด นอกจากที่นิวเจอร์ซีแล้ว ยังมีรายงานการทำร้ายจากสัตว์รูปร่างใกล้เคียงกันในฟิลาเดเฟียและเดลาแวร์อีกด้วย

การรายงานอย่างจริงจังน่าเชื่อถือของหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นสร้างความตระหนกให้กับประชาชนมากพอสมควร โรงเรียนหลายแห่งในเดลาแวร์วัลลีย์ปิดการสอน หลายคนเก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ยอมไปทำงาน มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในแคมเดนและบริสตอล รัฐเพนซิลวาเนีย เผชิญหน้าสัตว์ตัวนี้และยิงใส่แต่ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น!

Jersey Devil จากเรื่องเล่าชาวบ้าน

ตามนิทานพื้นบ้านยอดนิยมปิศาจแห่งเจอร์ซีดูจะเป็นเรื่องภูตผีปิศาจมากกว่าสัตว์ร้าย กำเนิดจากเมืองลีดส์พอยต์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสนขนาดใหญ่ในนิวเจอร์ซี ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ เจน ลีดส์ (Jane Leeds) หรือ คุณแม่ลีดส์ – Mother Leeds ได้สาปแช่งกรีดร้องเมื่อรู้ว่าเธอตั้งท้องลูกคนที่สิบสามด้วยความขุ่นเคืองและบอกว่าเด็กคนนั้นจะเป็น “ปีศาจ” แต่ในตอนแรกลูกคนที่ ๑๓ ของเธอก็ดูเป็นเด็กปกติธรรมดา จนกระทั่งคืนวันหนึ่งที่มีพายุ เธอและเพื่อน ๆ ของเธอกำลังทำงานกันอยู่ปกติ ทันใดนั้น ลูกคนที่ ๑๓ ของเธอก็เปลี่ยนรูปร่าง กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกีบ หัวแพะ ปีกค้างคาว และหางเป็นง่าม ส่งเสียงคำรามและกรีดร้อง ฟาดทุกคนด้วยหางของมันก่อนที่จะบินขึ้นปล่องไฟและมุ่งหน้าเข้าป่าสนและซ่อนอยู่ในนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ในบางเรื่อง จะเพิ่มเติมว่าคุณแม่ลีดส์คือแม่มด และพ่อของเด็กคนนั้นคือปิศาจ

ต่อมาภายหลัง มีการผูกโยงเรื่องเข้ากับคนที่มีชีวิตอยู่จริง นั่นคือ กล่าวกว่า สตรีผู้ให้กำหนดปิศาจเจอร์ซีชื่อ เดบบอราห์ ลีดส์ กับสามี จาเฟต ลีดส์ ซึ่งมีบันทึกทางการว่าพวกเขามีบุตร ๑๒ คน มีชีวิตและอาศัยอยู่ในลีดส์พอยต์ (ปัจจุบันคือแอตแลนติกเคาตี) ในช่วงเวลาเดียวกับที่กล่าวว่าปิศาจเจอร์ซีได้ถือกำเนิดขึ้น 

หญิงสาวผู้เจ็บปวดทรมานกับการให้กำเนิดบุตรคนที่ ๑๓ สามีของเธอวิงวอนร้องขอให้ปิศาจช่วย ให้เธอรอดชีวิตมาได้ แต่บุตรของเธอกลับแปรสภาพเป็นปิศาจ บางเรื่องเล่าบอกว่าเธอโดนปิศาจสาป บางเรื่องบอกว่าเธอไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาจึงโดนหัวหน้ากลุ่มผู้เคร่งศาสนาสาป เรื่องราวเหล่านั้นน่าจะราวต้นศตวรรษที่ ๑๘ ผู้คนยังเชื่อในเรื่องปิศาจแม่มดกันมากมาย

มีเรื่องเล่าว่า โจเซฟ โบนาปาร์ต พี่ชายของนโปเลียน โบนาปาร์ต ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น กษัตร์ย์แห่งโบเปิล ต่อมาเป็นกษัตริย์แห่งสเปน เมื่อพ่ายสงครามต่ออังกฤษในช่วงสงครามเพนนินซูลาและโดนบังคับให้ทิ้งบัลลังก์ในปีค.ศ. ๑๘๑๓ ได้มาพำนักที่บอร์เดนทาวน์ นิวเจอร์ซี บ่ายวันหนึ่งในปีค.ศ. ๑๘๒๐ เขาไปล่าสัตว์ตามลำพังใกล้บ้านและได้พบร่องรอยบางอย่างบนหิมะ คล้ายรอยของลาสองขา แต่ว่าขาข้างหนึ่งจะไถลไปไกลกว่าอีกข้าง

ขณะกำลังพิจารณาร่องรอยที่พบ เขาได้กลิ่นแปลก ๆ เมื่อหันไปหาที่มาของกลิ่นก็ได้พบกับสัตว์ปีกขนาดใหญ่ มีหัวคล้ายม้า ขาคล้ายนก ระหว่างที่เขากำลังตะลึงทำอะไรไม่ถูก เจ้าสัตว์ตัวนั้นก็กระพือปีกบินหายไป เขานำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง และคาดเดากันว่าเขาน่าจะได้พบกับปิศาจแห่งเจอร์ซี แต่เขาก็ไม่ได้พบกับเจ้าสัตว์ตัวนั้นอีกเลย

ผ่านไปร่วม ๑๐๐ ปี เรื่องเล่าลือโดนเสริมแต่งว่ามีคนได้ยินเสียงแปลก ๆ จากในป่า ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าปิศาจแห่งเจอร์ซี ที่ดูจะไม่น่าเชื่อที่สุดก็เป็นเรื่องเล่าในปี ๑๘๗๐ ชาวประมงในลองบีช อ้างว่าเขาเห็นปิศาจแห่งเจอร์ซีกำลังร้องเพลงจีบนางเงือก!

ปิศาจเจอร์ซีปรากฏตัว

หลังจากเป็นเพียงแค่ตำนานเรื่องเล่า ในเดือนมกราคม ค.ศ. ๑๙๐๙ อี พี วีเดน สมาชิกสภาเทรนตัน อ้างว่าเขาได้เห็นปีกของสัตว์อะไรสักอย่างผ่านหน้าต่างห้องนอนของเขา และได้เห็นรอยเท้าของสัตว์ที่ระบุตัวตนไม่ได้บนพื้นหิมะรอบบ้าน ซึ่งผู้คนในเทรนตัน (ขณะนั้นมีประชากรไม่ถึง ๑,๐๐๐ คน) หลายคนอ้างว่าได้เห็นรอยเท้าของสัตว์แปลก ๆ บนพื้นหิมะเช่นกัน

Jersey Devil
ภาพปิศาจเจอร์ซี จากหนังสือพิมพ์ปีค.ศ. ๑๙๐๙

หนังสือพิมพ์ลงข่าวนี้เป็นข่าวเล็ก ๆ ในตอนแรก ต่อมามีคนรายงานว่าพบเห็นสิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นและไม่จำกัดเฉพาะในนิวเจอร์ซี ลามข้ามแม่น้ำไปถึงเพนซิลวาเนียและบางแห่งในเดลาแวร์ด้วย อย่างเช่น

วันที่ ๑๖ มกราคม พบสัตว์ลึกลับบินเหนือวูดเบอร์รี

วันที่ ๑๗ มกราคม หลายคนพบรอยเท้าของสัตว์ลึกลับบนหิมะในบริสตอล เพนซิลวาเนีย

วันที่ ๑๘ มกราคม พบรอยเท้าสัตว์ลึกลับในที่แปลก ๆ อย่างหลังคาบ้าน ร่องรอยไม่ปรากฏที่มา และไม่ปรากฏที่ไป ในแถบเบอลิงตันและเมืองใกล้เคียง

วันที่ ๑๙ มกราคม เนลสัน อีแวนส์และภรรยา อาศัยในกลูเซสเตอร์ ได้พบปิศาจนอกหน้าต่างบ้านเมื่อเวลา ๐๒:๓๐  โดยนายเนลสัน อีแวนส์ อ้างว่า “มันสูงประมาณ ๓ ฟุตครึ่ง หัวคล้ายสุนัขพันธุ์คอลลี หน้าตาคล้ายม้า มีคอยาว ปีกกว้างประมาณ ๒ ฟุต ยืนบนขาหลังซึ่งมีลักษณะเหมือนขานกกระเรียนแต่มีกีบเหมือนม้า ขาหน้าสั้น มีอุ้งเท้า ตอนที่เรามองอยู่มันไม่ได้ใช้ขาหน้าเลย ผมและภรรยากลัวมาก แต่ผมก็เปิดหน้าต่างตะโกนไล่มัน มันหันมาคำรามใส่ผมแล้วก็บินจากไป”  มีนายพรานตามรอยปิศาจไปไกลถึง ๒๐ ไมล์ มีรายงานการพบเห็นหลายแห่งในเมืองแต่ไม่พบตัว

วันที่ ๒๐ มกราคม ในแฮ็ดดอนฟิลด์และคอลลิงส์วูด มีรายงานว่าพบสัตว์ลึกลับบินไปทางมัวร์ทาวน์

วันที่ ๒๑ มกราคม สัตว์ลึกลับจู่โจมรถขนแร่ในแฮ็ดดอนไฮจต์ แต่โดนขับไล่ไป มีชาวนาพบว่าไก่ของพวกเขาตาย มีรายงานว่าปิศาจเดินไปชนรั้วไฟฟ้าในเคย์ตัน พนักงานโทรเลขใกล้แอทแลนติกซิตีอ้างว่าเขายิงสัตว์ลึกลับและเห็นมันเดินกระเผลกหายไปในป่า มีรายงานว่าสัตว์ลึกลับจู่โจมทำร้ายคน แต่เมื่อคนต่อสู้โดยขว้างปาสิ่งของใส่มันก็บินหนีไป

วันที่ ๒๒ หลายเมืองอยู่ในภาวะสับสน ธุรกิจและโรงเรียนหลายแห่งปิดตัว มีรายงานการพบเห็นหลายแห่ง แต่ไม่มีรายงานว่าจู่โจมทำร้ายใคร

และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นมันอีกนาน

๒๘ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๓๗ หนังสือพิมพ์เพนซิลวาเนียบุลเล็ตอิน รายงานว่ามีคนออกตามล่าหาร่องรอยสัตว์ร้ายที่เชื่อว่าน่าจะเป็นปิศาจแห่งเจอร์ซี ตอนประมาณ ๓ ทุ่ม ซิดซีย์ เลดลีย์ ลูกจ้างโรงงานผลิตกระดาษผู้อาศัยอยู่ใกล้มิลฟอร์ดมิลล์ ได้แจ้งต่อเพื่อนบ้านว่าเขาได้เจอกับสัตว์ชนิดหนึ่ง “มันกระโดดข้ามถนนต่อหน้ารถของผม” ซีดซีย์ เลดลีย์บอก “รูปร่างมันประมาณจิงโจ้ แต่มีขนปกคลุม” หลายคนเชื่อว่ามันน่าจะเป็นปิศาจแห่งเจอร์ซีจึงระดมชาวบ้านมากกว่า ๒๐ คนพร้อมอาวุธ ใช้หมาล่าเนื้อตามรอยโดยหวังว่าจะตามไปจนถึงรังของสัตว์ชนิดนั้น แต่น่าเสียดายที่การตามรอยไม่สำเร็จ

ปีค.ศ. ๑๙๕๑ มีรายงานว่าเด็กพบสัตว์ประหลาดในเมืองกิบบ์ทาวน์ นิวเจอร์ซี

ปีค.ศ. ๑๙๗๘ เด็กหนุ่มสองคนเล่นสเก็ตน้ำแข็งใกล้แช็ทส์เวิร์ธ ได้กลิ่นเหม็นคล้ายปลาตาย เมื่อมองไปหาที่มาของกลิ่น ทั้งคู่ก็ได้พบกับตาแดงกล่ำคู่หนึ่งกำลังมองมา ทำให้ทั้งคู่ตกใจและวิ่งหนี 

ปีค.ศ. ๑๙๙๑ เด็กส่งพิซซาในเอดิสัน นิวเจอร์ซี อ้างว่าเขาโดนทำร้ายในตอนกลางคืนจากสัตว์ที่มีหัวคล้ายม้า

ปีค.ศ. ๒๐๐๒ หญิงคนหนึ่งในฟรีโฮล นิวเจอร์ซี อ้างว่าได้เห็นสัตว์ประหลาดบินด้วยปีกคล้ายปีกค้างคาว ผ่านบ้านเธอ

ไม่เคยมีปิศาจเจอร์ซีมาตั้งแต่แรก

ปัจจุบันเชื่อกันว่าเรื่องปิศาจแห่งเจอร์ซีย์น่าจะเป็นนิทานหลอกเด็กตั้งแต่สมัยผู้บุกเบิกรุ่นแรกเข้ามาตั้งรกรากในเจอร์ซีย์และเล่าต่อกันมาจนเสริมแต่งเรื่องไปใหญ่โต ทุกวันนี้ไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันถึงการมีอยู่ของมันแต่อย่างใด

ไบรอัน รีกัล (Brian Regal) นักประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยคีน ตั้งสมมติฐานว่ามันเป็นเรื่องการเมือง (https://njs.libraries.rutgers.edu/index.php/njs/article/view/13/) โดยเขาบอกว่า ต้นกำเนิดเรื่องราวของ “คุณแม่ลีดส์” มาจากข้อพิพาททางศาสนาและการเมืองในอาณานิคมทางตอนใต้ของรัฐนิวเจอร์ซี จะเรียกว่าการโฆษณาชวนเชื่อก็ได้ และจากเล่าปากต่อปากทำให้กลายเป็นตำนานพื้นบ้าน

โดยเขาเชื่อว่า เเดเนียล ลีดส์ (Daniel Leeds ค.ศ. ๑๖๕๑ – ๑๗๒๐) นักการเมืองในรัฐนิวเจอร์ซีเป็นเป้าหมายของสงครามข่าวลือในเรื่องปิศาจเจอร์ซี โดยตัวเขานับถือนิกายแองกลิคัล (Anglicanism) เขาคือผู้บุกเบิกและก่อตั้งชุมชน ลีดส์พอยต์ ซึ่งในสมัยนั้นอเมริกายังเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร กลุ่มผู้ปกครองยังเป็นกลุ่มเคร่งศาสนา แควกเกอร์ (Quakers) ตัวแดเนียลทำหนังสือ ลีดส์อัลมาแน็ก (The Leeds Almanac) ตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๖๘๗ กล่าวสรุปเหตุการณ์และบทความเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น โดย ไททัล ลีดส์ บุตรชายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญการทำหนังสือ

แต่สิ่งที่เขาเขียนมีเสียงวิจารณ์ทางลบพอสมควร ทั้งเรื่องทางโหราศาสตร์ และการใช้ภาษาที่เหล่าผู้เคร่งศาสนามองว่ามันเป็นเรื่องนอกรีต แนวความคิดในการพูดถึงสวรรค์ดูจะไม่เหมาะกับชุมชน ซึ่งทำให้ต้องเลิกทำแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ยอมง่าย ๆ เขาออกหนังสือ เดอะเทมเพิลออฟวิสดอม (The Temple of Wisdom) ในปีค.ศ. ๑๖๘๘ ซึ่งยังมีเรื่องของสวรรค์ เทพเจ้า เวทมนตร์เหนือธรรมชาติ โหราศาสตร์ และพฤติกรรมของมาร โดยมักจะใช้งานเขียนของ เจคอบ โบเอห์ม ผู้ลึกลับชาวเยอรมันเป็นแหล่งอ้างอิงต้นทาง โดยแดเนียลมองว่างานเขียนของ เจคอบ โบเอห์ม เป็นเรื่องบาปและการไถ่บาป แต่สำหรับขาวคริสต์ผู้เคร่งครัดจากอาณานิคมมองว่าเป็นเรื่องนอกรีต แต่สำหรับชีวิตส่วนตัวของแดเนียลไม่เคยปรากฏว่าเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องลัทธิมนต์ดำอะไร และไม่เคยแสดงออกว่าสนใจเรื่องเหนือธรรมชาติ

เบนจามิน แฟรงกลิน ในสมัยนั้นยังทำหนังสือพิมพ์ ฟิลาเดเฟียกาเซตเต และยังออกหนังสือต่าง ๆ รวมทั้ง Poor Richard’s Almanack ซึ่งในปีค.ศ. ๑๗๓๒ เขาได้เขียนบททำนายโหราศาสตร์ว่า ไททัน ลีดส์ จะเสียชีวิตในวันที่ ๑๗ ตุลาคมปีนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ทำแบบจริงจังมากนัก แต่ทางฝ่ายครอบครัวลีดส์มองว่าสิ่งนี้เป็นการโจมตีครอบครัวพวกเขา ทำให้เกิดความขัดแย้งต่อกัน เริ่มกล่าวถึงครอบครัวลีดส์ (ซึ่งอาจจะเป็นอารมณ์ขันหรือตั้งใจเสียดสีอะไรสักก็ตามแต่) ว่าเป็นปิศาจ หรือ สัตว์ประหลาด ด้วยเครื่องหมายประจำตระกูลของลีดส์นั้น ไวเวิร์น (Wyverns) ซึ่งเป็นมังกรซึ่งมีปีกคล้ายค้างคาว เป็นสัตว์ในตำนานที่นิยมเอามาทำเป็นตราสัญลักษณ์อย่างในสหราชอาณาจักร

ตรงนี้ ไบรอันมองว่า ลักษณ์ในตราประจำตระกูลของลีดส์มันช่างคล้ายคลึงกับเจ้าปิศาจเจอร์ซีเหลือเกิน แต่ในตอนนั้น เบนจามินใช้คำว่า ปิศาจลีดส์ (Leeds Devil) ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีใครเรียกว่าปิศาจเจอร์ซีจนกระทั่ง หนังสือพิมพ์ แอตแลนติกมันธ์ลี ได้เขียนถึงตำนานปิศาจเจอร์ซีในปีค.ศ. ๑๘๕๙

ซึ่ง ไบรอัน แสดงความเห็นว่า ในช่วงนั้นเองที่มีข่าวลือเรื่องปิศาจเจอร์ซีขึ้นมา

การปรากฏตัวในปีค.ศ. ๑๙๐๙ เป็นเรื่องหลอกลวง?

ในหนังสือ Encyclopedia of Hoaxes (๑๙๙๓) ระบุว่า การปรากฏตัวของปิศาจเจอร์ซีในปีค.ศ. ๑๙๐๙ เป็นเรื่องหลอกลวง พวกรอยเท้าที่พบในช่วงนั้นสร้างจากกีบม้า โดยในหนังสือ The World’s Greatest Hoaxes (๒๐๐๖) อ้างว่า นอร์แมน เจฟฟรายส์ เป็นคนที่สร้างเรื่องขึ้น เพื่อช่วยธุรกิจพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งกำลังปิดตัว โดยเขาให้ เจคอบ โฮป ซื้อจิงโจ้จากคณะละครสัตว์แล้วเอามาติดกรงเล็บและปีกค้างค้าว แล้วก็ถ่ายรูปไกล ๆ เอาไปแสดงในพิพิธภัณฑ์ว่าพวกเขาถ่ายรูปปิศาจเจอร์ซีได้ คนจะได้เข้ามาชมภาพปิศาจเจอร์ซีในพิพิธภัณฑ์การมาก ๆ

แสดงความคิดเห็น