ต้นไม้กินคน

ต้นไม้กินคน มีจริงหรือไม่ ? และเป็นไปได้หรือไม่ว่ามีต้นไม้กินคน ?

เราคงคุ้นเคยกับต้นไม้ที่ดักจับสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร อย่างเช่น ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ต้นกาบห้อยแครง แต่ต้นไม้เหล่านั้นก็ทำได้แค่ดักจับแมลงตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้น แล้วจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า จะมีต้นไม้ประเภทนี้ที่ใหญ่โตพอจะดักจับสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น มนุษย์ ได้ด้วย?

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กเวิร์ล ฉบับวันที่ ๒๔ เมษายน ค.ศ. ๑๘๗๔ ได้ตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับนักสำรวจชาวเยอรมันชื่อ คาร์ล ลีช (Karl Leche) ผู้อ้างว่าได้เดินทางไปเกาะมาดากัสการ์ และจ้างชาวพื้นเมืองชื่อ เฮนดริก นำทางเขาสำรวจพื้นที่ห่างไกล

ต้นไม้กินคนแห่งเกาะมาดากัสการ์

มาดากัสการ์ เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลแผ่นดินใหญ่ไปมาก แต่ชาวยุโรปก็รู้จักเกาะแห่งนี้ดีตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๗ จากกองเรือสำรวจและค้าขาย 

คาร์ล ลิช บรรยายว่า เขาได้ไปเยือนเผ่าพื้นเมืองที่ชื่อ มิโคโด (Mkodo) ซึ่ง ณ บริเวณนั้นเขาได้พบต้นไม้ประหลาด รูปร่างเหมือนต้นสัปปะรดยักษ์ สูงประมาณ ๘ ฟุต สีน้ำตาลไหม้ มีใบคล้ายต้นหางจระเข้ ๘ ใบ แต่ละใบยาว ๑๑ – ๑๒ ฟุต ที่ขอบใบมีหนามแหลม ชุ่มไปด้วยของเหลวคล้ายน้ำผึ้ง แตกหน่อเป็นสามหน่อมีกิ่งก้านเหมือนเถาวัลย์เลื้อยยาว 

ชาวพื้นเมืองบังคับให้หญิงสาวนางหนึ่งปีนขึ้นไปต้นไม้นี้ และดื่มของเหลวที่หลั่งชโลมต้นไม้นั้น ปรากฏว่ากิ่งก้านประดุจเถาวัลย์ได้ม้วนพันหญิงสาวคนนั้นไว้ หญิงสาวกรีดร้องท่ามกลางเสียงโห่ร้องและสวดมนต์ของชาวพื้นเมือง และต้นไม้ต้นนั้นก็ได้กลืนกินชีวิตหญิงสาวคนนั้น

ต้นไม้กินคน

หากจะให้บรรยายเป็นฉากในหนังสือก็ต้องประมาณนี้

กิ่งก้านมันกวัดแกว่างเหนือศีรษะของหญิงสาวเคราะห์ร้ายประดุจงูหิวโหย ละม้ายปิศาจที่กำลังจ้องเหยื่อ ฉับพลันกิ่งก้านนั้นก็โอบรัดขดรอบคอและแขนเธอไว้ หญิงสาวกรีดร้องโหยหวน มันรัดคอเธออีกครั้งท่ามกลางสายตาของคนอื่นที่เฝ้าดูพิธีกรรมนี้ กิ่งก้านที่เคลื่อนไว้คล่องแคล่วราวงูเขียวตัวใหญ่รัดคอเธอด้วยพลังมหาศาลจนเธอเงียบเสียง จากนั้นทุกกิ่งก้านก็หดตัวและห่อหุ้มเธอไว้ภายในกอของมันด้วยความรวดเร็วจนมองไม่เห็นร่างของเธอ

อันนี้ก็ออกจะนิยายไปหน่อย

เข้าใจว่าบันทึกของคาร์ล ลีช น่าจะเป็นบันทึกเกี่ยวกับต้นไม้กินคนครั้งแรกที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ หลังจากนั้นก็มีหนังสือพิมพ์และวารสารอีกหลายฉบับนำเรื่องนี้ไปลง อย่างเช่น เซาธ์ออสเตรเลียรีจิสเตอร์ ในปีค.ศ. ๑๘๗๘

และในปีเดียวกัน หนังสือ ใต้ปันกาห์ (Under the Punkah) ของ ฟิล โรบินสัน (Phil Robinson) เล่าเรื่อง “ลุง” เดินทางไปรอบโลก และได้พบกับต้นไม้กินคนที่นูเบีย บรรยายว่าต้นไม้ใหญ่นี้ซ่อนอยู่กลางป่าเฟิร์นในนูเบีย มันผิดแผกจากพืชที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด เป็นต้นสูงใหญ่ มีผลเป็นรูปไข่สีทองหยดน้ำผึ้งประกายลูกแพร์ ตามใบจะมีน้ำค้างแปลก ๆ เกาะอยู่ ซึ่งจะหยดลงบนพื้นดินด้านล่างตลอดทั้งวันทำให้บริเวณนั้นมีต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ใบมีหนามแหลมคมสีเขียว

แต่ถ้าสัตว์ตัวใดเข้าไปใกล้จะโดนใบที่มีหนามแหลมคมโอบรัดและดูดกินจนเสียชีวิต เพื่อนร่วมทางของลุงโดนต้นไม้นี้กิน และลุงกับเพื่อนร่วมทางต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดกลับมา

นอกจากนี้ ในปีค.ศ. ๑๘๘๙ ก็มีหนังสือชื่อ “ทะเลและพื้นดิน” (Sea and Land) เขียนโดย เจมส์ ดับเบิลยู บูเอล (James W. Buel) บอกว่า ที่ดินแดนอัฟริกา มีต้นไม้ประหลาดเรียกว่า ยา-ที-โว มีขนาดใหญ่และมีใบเหมือนงูยักษ์ดำรงชีพด้วยการกินสัตว์เป็นอาหาร

และบทความในนิตยสาร รีวิวออฟรีวิว (Review of Reviews) ฉบับเดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๘๙๑ ตีพิมพ์บทความของ วิลเลียม ธอมัส สตีด (William Thomas Stead) ผู้เป็นบรรณาธิการ แสดงความคิดเห็นและข้อมูลว่า เขาได้อ่านนิตยสาร ลูซิเฟอร์ (Lucifer) ซึ่งเขียนว่ามีต้นไม้ประหลาดในนิคารากัวที่สูบเลือดสิ่งมีชีวิตเพื่อยังชีพ

ดูเหมือนว่าอาจจะเป็นเรื่องนี้ที่ทำให้ เอช จี เวลล์ ได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่อง ดอกกล้วยไม้ประหลาด (The Flowering of the Strange Orchid) ในปี ค.ศ. ๑๘๙๔ ซึ่งปล่อยกลิ่นทำให้คนมึนงง และสูบเลือดคนเป็นอาหาร หรือ วันของเหล่าทริฟฟิดส์ (The Day of the Triffids) ของ จอห์น ไวลด์แฮม และภาพยนตร์ร้านเล็กสยองขวัญ (The Little Shop of Horrors) ในปีค.ศ. ๑๙๖๐

เป็นเพียงเรื่องลวงโลก

อีก ๔๐ ปีหลังจากนั้น เชส ออสบอร์น (Chase Osborn) อดีตผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ได้เขียนหนังสือชื่อ มาดากัสการ์, ดินแดนต้นไม้กินคน (Madagascar, Land of the Man-Eating Tree) ออกมาในปีค.ศ. ๑๙๒๔ เล่าประสบการณ์ของเขาในการเดินทางไปมาดากัสการ์ และถึงแม้ว่าจะไม่พบต้นไม้กินคนขนาดใหญ่  แต่ในหนังสือเล่าว่าคนพื้นเมืองทุกคนที่เขาพบ ยืนยันกับเขาว่ามีต้นไม้ชนิดนี้จริง 

เชส ออสบอร์น เขียนความคิดเห็นของเขาไว้ว่า “ผมไม่รู้ว่าต้นไม้นี้มีอยู่จริง หรือว่าเรื่องราวที่มีกลิ่นคาวเลือดนี้เป็นเพียงตำนาน แต่มันเพียงพอสำหรับจุดประสงค์ของผมแล้ว ถ้าเรื่องราวของมันทำให้คุณสนใจพื้นที่ซึ่งมีชื่อเสียงน้อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”

บางคนเชื่อว่าถ้า เชส ออสบอร์น รู้ว่าหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เรื่องนี้ครั้งแรกคือนิวยอร์กเวิร์ลอาจจะไม่ดั้นด้นไปค้นหาต้นไม้นี้ก็เป็นได้ เพราะชื่อเสียงของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไม่ค่อยดีในเรื่องสร้างข่าวขึ้นมาเองหลายเรื่อง

วิลลี ลีย์ ได้เขียนหนังสือ ซาลาแมนเดอร์กับสิ่งมหัศจรรย์อื่น ๆ (Salamanders and other Wonders) ตีพิมพ์ในปีค.ศ. ๑๙๕๕ ในหนังสือเล่มนี้บอกว่าทั้งต้นไม้กินคนและชาวพื้นเมืองที่เรียกว่ามิโคโด ตามที่คาร์ล ลิช เขียนบันทึกไว้นั้นไม่มีอยู่จริง และยังเป็นที่น่าสงสัยว่าคาร์ล ลีช มีตัวตนจริงหรือไม่? 

(ข้อมูลบางแห่งลงรายละเอียดว่าคนเขียนเรื่องนี้คือ เอ็ดมันด์ สเปนเซอร์ เป็นคนทำงานในนิวยอร์กเวิร์ลนั่นเอง)

และจากการสำรวจ แม้ว่ามาดากัสการ์จะมีต้นไม้ที่กินสัตว์เป็นอาหาร (เช่นเดียวกับในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย) ซึ่งส่วนใหญ่แค่ย่อยสลายซากแมลงเท่านั้น แต่ก็มีบางชนิดที่ใหญ่พอจะจับสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างหนูมาหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ที่จะใหญ่โตพอจะจับสัตว์ขนาดใหญ่ เช่นมนุษย์ มาเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตนั้นยังไม่เคยพบ

สำหรับข้อเท็จจริงของพืชที่ดำรงชีพด้วยชีวิตแมลงหรือสัตว์เล็ก ๆ ลองอ่านบทความเชิงวิชาการ (ภาษาอังกฤษ) เรื่อง How Carnivorous Plants Evolved ของสมิธโซเนียน