Commonplace Book หากใช้ศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสภาจะใช้คำว่า “สมุดข้อมูล” ซึ่งจะว่าไปเป็นศัพท์บัญญัติที่ตรงกับจุดประสงค์ของมันมาก
สมุดข้อมูล
สมุดธรรมดา ๆ ที่ใคร ๆ ก็คิดว่า “แค่จด” กลับเป็นอาวุธลับของนักคิดตั้งแต่สมัยโรมันจนถึงยุคดิจิทัล เป็นของจำเป็นสำหรับนักเรียน นักศึกษา นักอ่าน นักเขียน ใช้บันทึกคำศัพท์ วลี คำคม ข้อความ หรือรูปภาพ
แต่เราต้องมองอย่างนี้
มันไม่ใช่แค่สมุดเก็บคำคมหรือไอเดีย
มันคือ สมองก้อนที่สอง!
โจนาธาน สวีฟต์ เคยเขียนแนะนำกวีรุ่นเยาว์ว่า “สมุดธรรมดา ๆ คือสิ่งที่กวีผู้ปราดเปรื่องไม่อาจขาดได้ ดังสุภาษิตที่ว่า “นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่มักมีความจำสั้น” และอีกด้าน กวีที่เป็นนักโกหกโดยอาชีพก็ควรมีความทรงจำที่ดี และเพื่อเชื่อมโยงความทรงจำเหล่านี้ สมุดนี้จึงทำหน้าที่เป็นความทรงจำสำรอง หรือเป็นบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นจากการอ่านหรือการสนทนาในแต่ละวัน”
อ้างอิงจาก The Works of the Rev. Jonathan Swift/Volume 5/Advice to a Young
โอเค คุ้น ๆ มั้ยว่า มันคือความทรงจำสำรอง หรือ สมองก้อนที่ 2 หรือว่า Second Brain ที่ผู้คนคลั่งไคล้ฮือฮาตื่นเต้นกันในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
Commonplace Book
แนวคิดเรื่อง “สมุดข้อมูล” มีมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิโรมัน มาร์คัส ออเรลิอัส ซึ่งหนังสือ Meditations ซึ่งเป็นตำราสำคัญในปรัชญาสโตเริ่มต้นจากการรวบรวมบันทึก ความคิด และคำคมส่วนตัว ยุคต่อมาก็มี De Copia ของอีราสมุส แพร่หลายไปทั่วยุคเรอเนซองส์
และคนสำคัญ จอห์น ล็อก นักปรัชญาอังกฤษเขียนหนังสือภาษาฝรั่งเศสเกี่ยวกับการจดบันทึกในปี ค.ศ. 1685 ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1706 ชื่อว่า “A New Method of Making Common-Place-Books” ในหนังสือนี้อธิบายเทคนิคการบันทึกสุภาษิต คำคม แนวคิด และสุนทรพจน์ต่าง ๆ และที่สำคัญคือการอธิบายแนวคิดในการจัดเรียงเนื้อหาตามหัวเรื่องและหมวดหมู่ โดยใช้หัวข้อสำคัญๆ เช่น ความรัก การเมือง หรือศาสนา
ใช่แล้ว
การจดเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ที่สำคัญกว่าคือ เราจะต้องหาวิธีเข้าถึงหรือนำสิ่งที่บันทึกไว้มาใช้งานเมื่อต้องการได้ด้วย
ปัญญาชนหลากหลายแขนงในศตวรรษที่ 17 และ 18 นิยมใช้สมุดบันทึกกันทั้งนั้น
ลีโอนาโด ดาวินชี
เอช.พี. เลิฟคราฟต์ จดบันทึก แนวคิด ภาพ และถ้อยวลี เพื่อนำไปใช้ในนิยาย
มาร์ก ทเวน
เวอร์จิเนีย วูล์ฟ
โทมัส เจฟเฟอร์สัน แยกจดบันทึกเกี่ยวกับวรรณกรรม และกฎหมาย
ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน
จอห์น มิลตัน
เฮนรี เดวิด ธอโร
ชาร์ลส์ ดาร์วิน
โรนัลด์ เรแกน
บิล เกตส์
คาร์ล ลิน
ฟรานซิส เบคอน
ฯลฯ
ทำไมต้องมี Commonplace Book?
- เก็บแรงบันดาลใจ ถ้อยคำโดนใจจากหนังสือ หรือบทเพลง หรือการพูดคุย หรือจากข่าว ฯลฯ
- ประหยัดเวลาค้นคว้า: เราเก็บข้อมูลเอาไว้แล้ว เปิดสมุดเจอเลย
- เห็นความเชื่อมโยงไม่คาดคิด: เพลง vs ปรัชญา อาจกลายเป็นไอเดียบทความ
- ทำให้การอ่านมีจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่แค่อ่านผ่าน ๆ
เริ่มต้นใน 5 ขั้นตอน (จริงจังและไม่ยาก)
- เลือกสื่อ: กระดาษหนึ่งเล่ม หรือแอป (Notion / Obsidian / Apple Notes)เอาที่สะดวก
- เว้นหน้ากระดาษแรกเป็นสารบัญ (หรือสร้างหน้า Index)
- จดแบบ อะตอมิก: ข้อความสั้นๆ – แหล่งที่มา – ติด tag – สรุป 1 บรรทัด
- เชื่อมโยง: ถ้าความคิดนี้เกี่ยวกับที่เคยจดไว้ ให้ใส่ลิงก์/เลขหน้าให้ย้อนกลับไปเชื่อมต่อกันได้
- อย่าลืมทบทวน
รูปแบบ
ท่านจะจดบันทึกแบบไหนก็ได้ แต่โดยส่วนตัวช่วงหลังเน้นวิธี zettelkasten และการจดสั้น ๆ แบบ atomic note ก็เลยจะทำเป็นรูปแบบนี้
วันที่ | ที่มา | ข้อความ | สรุปสั้น (1 บรรทัด) | tag(s) | หมายเหตุ
ตัวอย่าง:
2025-09-08
Manic Street Preachers – Stay Beautiful
Your school, your dole and your chequebook dreams
Your clothes, your suits and your pension schemes
Now you say you know how we feel
Don’t fall in love ’cause we hate you still
#lyrics
อาจแปลเพลงนี้เป็นภาษาไทย
เคล็ดลับสั้น ๆ
- เขียนตอนเจอสิ่งนั้น
- ใช้ tag แบบสั้น (เช่น: idea, quote, scene, lyrics).
- อย่าเก็บของไว้เฉย ๆ เอาไปใช้งานในอนาคตด้วย
ขอให้สนุกและได้อะไรบางอย่างจากการจดบันทึก