สยามเปลี่ยนชื่อเป็น ไทย ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ สมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก และกำหนดว่าถ้าเป็นภาษาอังกฤษจงเรียกว่า Thailand
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ใช้ชื่อประเทศ, ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๒” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๖ ตอน ๐ ง. หน้า ๘๑๐
ซึ่งทำให้หลายคนสงสัย ไทย ทำไมจึงเป็น Thai ไม่ใช่ Tai และทำไมต้องมี land ตามท้าย
วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๔๘๒ รัฐบาลเสนอร่างพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญขนานนามประเทศต่อรัฐสภา โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้เรียกชื่อประเทศว่า “ประเทศไทย” และตามที่ได้มีบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น ที่มีคำว่า “สยาม” ก็ให้ใช้คำว่า “ไทย” แทน โดยให้เหตุผลในคำแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร ตอนหนึ่งว่า
“…ในการที่ทางรัฐบาลได้เสนอร่างพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญขนานนามประเทศนั้น ก็ด้วยได้พิจารณาเห็นกันเป็นเอกฉันท์ว่า นามประเทศของเรา ซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ ที่เรียกว่า ประเทศสยามนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานที่ได้ตั้งขึ้นไว้ คือ ไม่มีพระราชบัญญัติหรือไม่มีสิ่งใดที่เป็นหลักฐานนามประเทศของเราที่ใช้เรียกกันอยู่ทุกวันนี้ ก็ได้ด้วยความเคยชิน หรือได้จดจำเรียกกันต่อ ๆ มา และได้พยายามให้เจ้าหน้าที่ค้นในทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ปรากฏว่าใครเป็นคนที่ได้ตั้งขึ้นคราวแรก และตั้งแต่ครั้งใดก็ไม่ทราบ เป็นแต่ว่าเราได้เรียกเรื่อย ๆ มา เรียกว่าประเทศสยาม และคำว่า ประเทศสยามนั้น ก็มักจะใช้แต่ในวงราชการ และนอกจากนั้นก็ในวงของชาวต่างประเทศเป็นส่วนมาก ส่วนประชาชนไทยของเราโดยทั่วไปเฉพาะอย่างยิ่งตามชนบทด้วยแล้ว เราจะไม่ค่อยใช้คำว่า ประเทศสยาม เราใช้คำว่า ไทย เนื่องด้วยมีนามซึ่งประชาชนคนไทยของเราเรียกเป็นสองอย่าง ดังนี้ และประกอบกับเรายังไม่มีหลักฐานในการที่เรามีการขนานนามประเทศ ทางรัฐบาลจึงปรึกษาเห็นพร้อมกันว่า ควรจะร่วมกับสมาชิกผู้มีเกียรติในการที่ได้ตั้งขนานนามประเทศของเราเสียในระบอบประชาธิปไตยนี้ ร่วมกันด้วยความสมัครสมานให้เป็นสิริมงคลแก่ประเทศของเราต่อไปในภายข้างหน้าในการที่ให้ใช้คำว่า ไทย แทนที่เราจะขนานนามในบัดนี้ว่าเป็น สยาม…”
ส่วนสาเหตุนั้น ปรีดี พนมยงค์ ได้อธิบายในหนังสือ Ma Vie Mouvementee เนื้อหาสาระจากเว็บไซต์ มูลนิธิ เล็ก-ประไพ วิริยพันธุ์ (https://lek-prapai.org/home/view.php?id=447) ความเป็นมาของชื่อ ‘ประเทศสยาม’ กับ ‘ประเทศไทย’ ขอคัดลอกมาดังนี้
หลวงวิจิตรวาทการได้เดินทางไปฮานอยเพื่อชมกิจการโบราณคดีของสำนักตะวันออกไกล ฝรั่งเศส เมื่อหลวงวิจิตรฯ กลับจากฮานอยได้นำแผนที่ฉบับหนึ่งซึ่งสำนักฝรั่งเศสนั้นได้จัดทำขึ้น แสดงว่ามีคนเชื้อชาติไทยอยู่มากมายหลายแห่งในแหลมอินโดจีน ในประเทศจีนใต้ ในพม่า และในมณฑลอัสสัมของอินเดีย
ครั้นแล้วผู้ฟังวิทยุกระจายเสียงได้ยินและหลายคนยังคงจำกันได้ว่า สถานีวิทยุกรมโฆษณาการ (ต่อมาปัจจุบันคือกรมประชาสัมพันธ์) ได้กระจายเสียงเพลงที่หลวงวิจิตรฯ รำพันถึงชนเชื้อชาติไทยที่มีอยู่ในดินแดนต่าง ๆ และมีการโฆษณาเรื่อง “ มหาอาณาจักรไทย ” ที่จะรวมชนเชื้อชาติไทย ในประเทศต่าง ๆ เข้าเป็นมหาอาณาจักรเดียวกัน ทำนองที่ฮิตเลอร์กำลังทำอยู่ในยุโรปในการรวมชนเชื้อชาติเยอรมัน ในประเทศต่าง ๆ ให้เข้าอยู่ในมหาอาณาจักรเยอรมัน
ในการประชุมวันหนึ่ง นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาปัญหาด่วนนอกระเบียบวาระ โดยให้หลวงวิจิตรวาทการเป็นผู้แถลงให้เปลี่ยนชื่อ “ประเทศสยาม ” เป็น “ ประเทศไทย ” โดยนำสำเนาแผนที่ฉบับที่สำนักตะวันออกไกล ฝรั่งเศส ทำไว้ ว่าด้วยแหล่งของชนเชื้อชาติไทยต่าง ๆ มาแสดงในที่ประชุมด้วย โดยอ้างว่า “ สยาม ” มาจากภาษาสันสกฤต “ ศยามะ ” แปลว่า “ ดำ ” จึงไม่ใช่ชื่อประเทศของคนเชื้อชาติไทยซึ่งเป็นคนผิวเหลือง ไม่ใช่ผิวดำ และอ้างว่าคำว่า “ สยาม ” แผลงมาจากจีน “ เซี่ยมล้อ ”
ข้าพเจ้าได้คัดค้านว่าโดยที่ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่ได้ค้นคว้ากฎหมายเก่าของไทย โดยอาศัยหลักฐานเอกสารที่จารึกไว้โดยพระมหากษัตริย์แต่ปางก่อน รวมทั้ง “กฎหมายตราสามดวง ” ซึ่งรัชกาลที่ ๑ (พระพุทธยอดฟ้าฯ) ได้โปรดเกล้าฯ ให้สังคยานา (ตามที่ข้าพเจ้ากล่าวในข้อ ๒ ) และมิใช่คำว่า “ สยาม ” แผลงมาจากคำจีนแต้จิ๋ว “ เซี่ยมล้อ ” (ตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วในข้อ ๑) แต่จุดประสงค์เบื้องหลังของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีส่วนหนึ่งต้องการเปลี่ยนชื่อประเทศว่าประเทศไทย เพื่อรวมชนชาติไทยในดินแดนต่าง ๆ เข้ามาในมหาอาณาจักรไทย ดังนั้นรัฐมนตรีส่วนมากจึงตกลงตามร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็น “ ประเทศไทย ” ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายข้างน้อยในคณะรัฐมนตรี
ปรีดี พนมยงค์
โปรดอ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้จากลิงก์มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยพันธุ์ข้างต้น
ไทย ไม่ใช่ ไท
ชนชาติไทตั้งแต่สมัยสุโขทัยมานั้น ตามหลักศิลาจารึกนั้นไม่มีตัว “ย” ทำไมถึงกลายเป็น “ไทย” แล้วความจริง ไทย มี “ย” หรือ ไท ไม่มี “ย” กันแน่
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ (และเป็นนายกราชบัณฑิตยสถานในเวลานั้น) อธิบายว่า เหตุผลที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเลือกที่จะใช้ ไทย มี “ย” ก็เพราะว่า คำว่า ไท ไม่มี “ย” นั้น โดยความหมายแปลว่า ความเป็นใหญ่หรือเป็นอิสระ แต่เมื่อใช้ ไทย เป็นชื่อเฉพาะเพื่อแสดงถึงเชื้อชาติ สัญชาติโดยเฉพาะ
Thai ไม่ใช่ Tai
ส่วนข้อที่ว่า ทำไมจึงเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Thai แทนที่จะเป็น Tai นั้น เป็นเพราะต้องการกันความสับสนกับรัฐไต หรือ “ไท” อื่น ๆ จึงเลี่ยงเป็น Thai โดยอาศัยว่า แม่น้ำ Thames ออกเสียง tɛmz – เทมส์ ได้ ดังนั้น Thai ก็ออกเสียงว่า ไท ได้เหมือนกันโดยไม่ซ้ำกับรัฐไต
ส่วนคำว่า land ที่นำมาต่อท้าย หากย้อนกลับไปอ่านบทความเรื่อง ความเป็นมาของชื่อ ‘ประเทศสยาม‘ กับ ‘ประเทศไทย‘ นายปรีดีก็ได้แสดงความคิดเห็นไว้ ขอคัดลอกมาดังนี้
ผู้ที่ได้รับคำยกย่องว่ามีความรู้ในภาษาต่างประเทศ รวมทั้งหลวงวิจิตรวาทการได้เสนอให้เรียกประเทศไทยเป็นภาษาอังกฤษว่า “ THAILAND ” และภาษาฝรั่งเศสว่า “ THAILANDE ” และพลเมืองของประเทศนี้เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า “ THAILANDAIS ” ซึ่งฝรั่งพากันงง
ข้าพเจ้าได้เสนอว่าควรให้เรียกชื่อประเทศไทยเป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสว่า “ SIAM ” ตามที่คนทั่วโลกได้รู้จักชื่อประเทศของเราในนามนั้นอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็มีตัวอย่างอยู่เช่นประเทศเยอรมนี ซึ่งเรียกชื่อประเทศเป็นภาษาเยอรมันว่า “ DEUTSCHLAND ” นั้น เขาก็มิได้กำหนดให้เรียกชื่อประเทศของเขาเป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสตามชื่อภาษาเยอรมัน หากเรียกชื่อประเทศของเขาในภาษาอังกฤษว่า “ GERMANY ” และภาษาฝรั่งเศส “ ALLEMAGNE ” ตามที่คนอังกฤษและฝรั่งเศสเคยเรียกและเคยรู้จักชื่อประเทศของเขาในนามนั้น
ข้าพเจ้าได้ให้ความเห็นต่อไปว่าการที่จะเอาคำว่า “ LAND ” ต่อท้ายคำว่า “ THAI ” เป็น “ THAILAND ” ก็ดี ย่อมทำให้คล้ายกันกับประเทศเมืองขึ้นในแอฟริกาของอังกฤษ (สมัยนั้น) และเมืองขึ้นของฝรั่งเศส (สมัยนั้น) ที่ลงท้ายด้วยคำว่า “LAND” หรือ “LANDE” ข้าพเจ้าได้ให้ข้อสังเกตว่าประเทศ “IRELAND” ใต้เมื่อได้เป็นเอกราชจากอังกฤษแล้ว ก็ตัดคำว่า “LAND” ออก โดยเรียกชื่อประเทศของตนว่า “EIRE” ส่วนในประเทศยุโรปบางประเทศที่มีคำท้ายว่า “LAND” เช่น “ICELAND” ก็เพราะภาษาของเขาอยู่ในตระกูลเดียวกันกับภาษาอังกฤษจึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องเอาตัวอย่างนี้ แต่ความเห็นส่วนข้างมากในคณะรัฐมนตรีให้เปลี่ยนชื่อประเทศไทยในภาษาอังกฤษด้วย ตามที่มีผู้เสนอให้เปลี่ยนเป็น “THAILAND” ในภาษาอังกฤษ และ “THAILANDE” ในภาษาฝรั่งเศส
ข้าพเจ้าได้เสนอต่อไปอีกว่าถ้าส่วนข้างมากต้องการให้ชาวโลกเรียกชื่อประเทศไทยเป็นภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสโดยมีคำว่า “THAI” เป็นสำคัญแล้ว ก็ขออย่าเอาคำว่า “LAND” หรือ “LANDE” ไปต่อท้ายไว้ด้วยเลย คือ ให้ใช้ภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสทับศัพท์ตามที่สามัญชนคนไทยเรียกชื่อประเทศของตนว่า “ เมืองไทย ” เป็นภาษาอังกฤษ “ MUANC THAI ” ฝรั่งเศส “ MUANG THAI ” แต่ส่วนมากในคณะรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย
ปรีดี พนมยงค์
แต่เรื่องนี้ UnnamedSheep มีความเห็นว่า ด้วยแนวคิดชาตินิยมของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องการบอกว่าดินแดนนี้เป็นของชาวไทยมิใช่ของเชื้อชาติอื่นตามลัทธิชาตินิยมในเวลานั้น และยังได้กุนซือคือ หลวงวิจิตรวาทการ ผู้ตอบสนองโดยเชื่อในเรื่อง เชื้อชาติไท ในดินแดนต่าง ๆ มีแนวคิดรวมชาติไท ในประเทศต่าง ๆ เข้าเป็นมหาอาณาจักรเดียวกัน ทำนองที่ฮิตเลอร์กำลังทำอยู่ในยุโรปในการรวมชนเชื้อชาติเยอรมัน ในประเทศต่าง ๆ ให้เข้าอยู่ในมหาอาณาจักรเยอรมัน เมื่อพิจารณาคำว่า “Deutschland” ในภาษาเยอรมัน แผลงมาจากคำว่า “Diutisciu land” ซึ่งมีความหมายว่า ดินแดนของชาวเยอรมัน (The German lands) ซึ่งมาจากภาษาเยอรมันยุคโบราณ คำว่า Thailand จึงตอบสนองต่อความเป็นชาตินิยม ในการสร้าง nation-state ที่เป็น ดินแดนของคนไทย